โดย เบลค แชนด์ลี President, Global Business Solutions, TikTok
TikTok แพลตฟอร์มความบันเทิงที่มีผู้คนเข้ามาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองและทำความเข้าใจประสบการณ์ของผู้อื่น ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับแง่มุมที่หลากหลายของชีวิต รวมไปถึงเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันอย่างการเลือกตั้งหรือประเด็นต่างๆ ทางการเมือง ดังที่เราเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ TikTok จะพัฒนานโยบายต่างๆ เป็นระยะเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศที่ดีเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้าหากัน มิใช่แบ่งแยก ในขณะนี้เราได้ดำเนินการเพื่อปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบนแพลตฟอร์ม ห้ามการลงโฆษณาทางการเมือง และช่วยเชื่อมโยงคอมมูนิตี้ของเรากับแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในวันนี้เราพร้อมที่จะดำเนินการอีกขั้นโดยเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของ รัฐบาล นักการมือง และพรรคการเมือง โดย TikTok เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้แพลตฟอร์มยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สนุก มีพลังบวก และให้ประสบการณ์ที่เพลิดเพลินต่อไป
การยืนยันบัญชี
เมื่อผู้ใช้ของเรารับชมเนื้อหาจากบัญชีของรัฐบาล นักการเมือง หรือพรรคการเมือง TikTok ต้องการให้ผู้ใช้ทุกท่านทราบว่า บัญชีนั้นๆ เป็นบัญชีทางการของรัฐบาล นักการเมือง หรือพรรคการเมืองอย่างแท้จริง แม้ว่า TikTok จะมิได้เชิญชวนหรือดำเนินนโยบายที่เชื้อเชิญให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองมาใช้งานแพลตฟอร์มของเรา แต่เรายินดีอย่างยิ่งหากพรรคการเมืองหรือนักการเมืองจะเลือกใช้แพลตฟอร์มของเรา ในขณะเดียวกัน TikTok ปรารถนาให้คอมมูนิตี้ของเราทราบว่า แหล่งข้อมูลที่พวกเขารับชมเนื้อหาอยู่นั้นเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการ ซึ่งระบบการยืนยันตัวตน จะช่วยให้คอมมูนิตี้ทราบว่า บัญชีใดเป็นบัญชีที่ถูกต้องและเป็นของผู้ใช้งานที่เป็นตัวแทนของบัญชีนั้นจริงๆ อันเป็นเครื่องช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างครีเอเตอร์ที่เป็นผู้มีชื่อเสียงและคอมมูนิตี้ของพวกเขา ทั้งนี้แม้บัญชีด้านการเมืองหลายบัญชีจะมีตรารับรองว่า เป็นบัญชีทางการแล้วก็ตาม แต่ระบบการยืนยันตัวตนนั้นยังมิได้เป็นข้อบังคับในขณะนี้ อย่างไรก็ดีเพื่อเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งกลางสมัยในสหรัฐอเมริกา (U.S. Midterm Elections) เราจะเริ่มทดลองบังคับให้บัญชีของรัฐบาล นักการเมือง และพรรคการเมืองในสหรัฐฯ ทำการยืนยันตัวตนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การห้ามสร้างรายได้และห้ามสร้างแคมเปญระดมทุน
TikTok ไม่อนุญาตให้มี การโฆษณาทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาแบบเสียเงินบนแพลตฟอร์มหรือการให้ครีเอเตอร์สร้างเนื้อหาทางการเมืองโดยได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน นอกเหนือไปจากการห้ามลงโฆษณาแล้ว นับแต่นี้เราจะห้ามทำโฆษณาทางการเมืองตั้งแต่ระดับบัญชีอีกด้วย กล่าวคือ บัญชีที่เป็นของพรรคการเมืองและนักการเมืองจะไม่สามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ด้านการโฆษณาโดยอัตโนมัติ อันจะช่วยให้เราสามารถดำเนินนโยบายด้านการห้ามทำการโฆษณาทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดี TikTok ทราบดีว่า อาจจะมีบางโอกาสที่รัฐบาลอาจจำเป็นต้องใช้บริการต่างๆ ด้านการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการสาธารณะสุขหรือความปลอดภัย รวมถึงเพื่อเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของประชาชน เช่น การโฆษณาให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกัน COVID-19 ในการนี้ TikTok จะอนุญาตให้หน่วยงานภาครัฐสามารถทำการโฆษณาได้ภายใต้เงื่อนไขจำกัด และหน่วยงานภาครัฐที่ทำการโฆษณาจะต้องทำงานร่วมกับผู้แทนของ TikTok
นอกจากนี้ TikTok ยังไม่อนุญาตให้บัญชีด้านการเมืองเข้าถึงฟีเจอร์การสร้างรายได้ต่างๆ กล่าวคือ บัญชีเหล่านี้จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์การส่งหรือรับของขวัญ การให้ทิป และ e-Commerce ต่างๆ ได้ รวมถึงจะไม่มีสิทธิ์รับเงินทุนจากกองทุน Creator Fund ของเราได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รวมไปถึงการห้ามทำโฆษณาทางการเมืองส่งผลให้บัญชีของรัฐบาล นักการเมือง และพรรคการเมือง จะไม่สามารถให้หรือรับเงินผ่านระบบการสร้างรายได้ของ TikTok ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถโปรโมทเนื้อหาของตนโดยใช้เงินทุนได้อีกด้วย
สุดท้ายนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า TikTok จะเปลี่ยนนโยบายเพื่อห้ามการระดมเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ทุกรูปแบบ การห้ามนี้หมายรวมถึงการสร้างเนื้อหา เช่น วิดีโอที่มีนักการเมืองกล่าวขอรับบริจาค หรือวิดีโอจากพรรคาการเมืองที่เชิญชวนให้เข้าไปที่หน้ารับบริจาคเงินในเว็บไซต์ของพรรค
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกขับเคลื่อนโดยความบันเทิง เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงคอมมูนิตี้เข้าด้วยกันผ่านคอนเทนต์ที่บันเทิงและสร้างสรรค์ ซึ่งการไม่อนุญาตให้มีการทำแคมเปญระดมทุนและการจำกัดการเข้าถึงคุณสมบัติเพื่อการสร้างรายได้ รวมไปถึงการยืนยันตัวตน เป็นนโยบายที่ TikTok นำมาใช้เพื่อสร้างจุดที่ลงตัวระหว่างการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขา พร้อมกับการปกป้องให้ TikTok ยังคงไว้ซึ่งการเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงที่สร้างสรรค์ที่ทุกคนในคอมมูนิตี้ของเราอยากเห็น
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ที่ ศูนย์ให้ความช่วยเหลือของ TikTok