นับตั้งแต่วินาทีที่นักช้อปออนไลน์สัมผัสกับประสบการณ์ความสนุกตื่นเต้นของเทศกาล Mega Sales จนสร้างเม็ดเงินให้กับธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมากมาย บางแบรนด์มีรายได้จาก Mega Sales เพียงวันเดียวเกือบเท่ารายได้ทั้งเดือน แบรนด์และนักการตลาดรู้ทันทีว่า Mega Sales ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์เมื่อนักช้อปไม่ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อของที่ต้องการเท่านั้น แต่การช้อปปิ้งออนไลน์ในวันนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งความบันเทิงของผู้คนไปแล้ว

สอดคล้องกับข้อมูลจาก TikTok ระบุว่า เทรนด์ใหม่ของนักช้อปออนไลน์ยุคนี้ คือ การได้รับประสบการณ์แห่งความสุขระหว่างการซื้อสินค้า หรือที่เรียกว่า "Shoppertainment" มาจากคำว่า “Shopping + Entertainment” เท่ากับว่า โปรโมชั่น โค้ดส่วนลด จัดส่งฟรี ไม่ใช่ดีลที่ดีพอ แต่จำเป็นต้องเติม "ความสนุก" เพื่อเพิ่ม "ความสุข" ให้กับการช้อปด้วย ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่แบรนด์และนักการตลาดต้องให้ความสำคัญ ซึ่งข้อมูลจาก TikTok พบว่า 2 ใน 5 ของผู้ใช้ TikTok มีการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้น, 1 ใน 3 อยากให้การช้อปปิ้งมีความบันเทิงผสมอยู่ด้วยมากกว่านี้ และกว่า 70% ของผู้ใช้ รอคอยและตื่นเต้นกับเทศกาล Mega Sales เมื่อแบรนด์อยากให้ลูกค้ามีการจับจ่ายเพิ่ม ก็ต้องเพิ่มน่าความสนใจให้กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากขึ้น ดังนั้นหัวใจสำคัญของเทรนด์ Shoppertainment คือ “ความสุขของประสบการณ์ขณะจับจ่าย” แล้วประสบการณ์แบบไหนจะช่วยกระตุ้นอะดรีนาลีนของนักช้อปได้ดีเท่ากับเทศกาล Mega Sales นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก AC Nielsen ช่วยยืนยันความสำเร็จในการเลือกทำการตลาดบน TikTok ได้อย่างดีว่า คอนเทนท์วิดีโอสั้นเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อในกลุ่มนักช้อปออนไลน์ได้ โดย 83% ของผู้ใช้ TikTok ชื่นชอบการชมคอนเทนท์วิดีโอจากแบรนด์มากกว่าภาพนิ่งหรือ GIFs, 84% บอกว่าเกิดความอยากซื้อสินค้าเมื่อได้ชมวิดีโอจากแบรนด์บน TikTok, 79% ซื้อสินค้าจากแบรนด์ใหม่แทนที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์เดิม และ 58% มีการซื้อสินค้าโดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า

ยิ่งการแข่งขันสูงลูกค้าก็ยิ่งมีทางเลือกมากขึ้น การตลาดประเภทซื้อ 1 แถม 1 หรือแจกโค้ดส่วนลดที่เห็นทุกวันไม่สามารถกระตุ้นอะดรีนาลีนนักช้อปให้ยอมจ่ายทันทีที่เห็นได้อีกต่อไป จนกระทั่งมีเทศกาล Mega Sales เกิดขึ้น ซึ่ง Double Digit Sales กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดอีคอมเมิร์ซตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าสู่วันที่ 9.9, 10.10, 11.11 และ 12.12 ในยุคแรกความน่าตื่นเต้นเป็นเรื่องดีลที่ทุกแบรนด์พร้อมใจกันปล่อย The Best Deals พร้อมกับประโยคที่นักการตลาดรู้ดีว่าจะกระตุ้นการซื้อได้เร็วยิ่งขึ้น คือ “วันเดียวเท่านั้น!” ยิ่งทำให้นักช้อปเต็มใจจ่ายให้กับดีลที่จะไม่ยอมพลาดและต้องการคว้าโอกาสเป็นเจ้าของสินค้าราคาพิเศษที่เล็งมานาน นั่นทำให้บรรยากาศการช้อปปิ้งในเทศกาลนี้คึกคักและกระตุ้นการใช้จ่ายมากกว่าช่วงเวลาปกติ Mega Sales จึงเป็นโอกาสทองที่แบรนด์ต่างๆ ต้องงัดกลยุทธ์มาสร้างยอดขาย ในเมื่อโปรโมชั่นลดสูงสุด 90% แบรนด์ไหนก็ให้ได้ สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้ คือ ประสบการณ์ความสุขขณะจับจ่ายหรือ Shoppertainment นั่นเอง

สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing ของ TikTok ยังเผยตัวเลขที่น่าสนใจที่ว่า เทศกาล Mega Sales ผู้ใช้ TikTok มีการจับจ่ายสูงกว่าผู้ใช้ของแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 62% “Mega Sales คือ ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยและเป็นโอกาสสำคัญของแบรนด์ในการสร้างยอดขายและตอบโจทย์พฤติกรรมนักช้อปที่นอกจากต้องการดีลที่ดีที่สุดแล้ว ยังต้องการประสบการณ์การจับจ่ายที่มาพร้อมความสุขหรือ Shoppertainment ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ดีมานด์การซื้อของผู้ใช้ TikTok เกิดขึ้นหลังจากที่เห็นคอนเทนท์วิดีโอสั้น นั่นเป็นเพราะ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างพลังบวกและมอบความสุข ซึ่งนำไปสู่การอยากมีส่วนร่วมหรือการจับจ่ายใช้สอยกับแบรนด์ TikTok จึงช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในเทศกาลนี้ได้ เพราะเราเชื่อว่า Happy Users หรือผู้ใช้ที่มีความสุข สามารถเปลี่ยนไปเป็น Happy Buyers ผู้ซื้อที่มีความสุขได้"

ความสุขที่เกิดขึ้นบน TikTok เกิดขึ้นจาก 3 ส่วน นั่นคือ

  • Joy of Discovery: ความสุขที่มาจากการค้นพบแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบคอนเทนท์วิดีโอสั้นที่เกี่ยวกับแบรนด์และคอนเทนท์นั้นๆ ดูสนุกและน่าติดตาม 
  • Joy of Entertainment: ความสุขผ่านความบันเทิงและการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในรูปแบบที่หลากหลายตั้งแต่ Hashtag Campaign, Branded Effect, Gamification ไปจนถึง Live Streaming 
  • Joy of Community Commerce: ความสุขผ่านชุมชนที่จะช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย 

ด้วยเหตุนี้เอง TikTok For Business จึงกลายเป็นโซลูชั่นสำหรับธุรกิจทุกขนาดที่อยากพิชิตยอดขายและช่วงชิงโอกาสขยายฐานในเทศกาล Mega Sales



ปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำของไทยหลายแบรนด์ที่เลือกใช้ TikTok เพื่อพิชิตยอดขายช่วง Mega Sales อย่าง 2 แบรนด์จากเครือเซ็นทรัล รีเทล และ คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มาแชร์มุมมอง แนวคิด และตัวอย่างความสำเร็จได้อย่างน่าสนใจ

รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยกลยุทธ์การตลาดในช่วงเทศกาล Mega Sales ว่า "หัวใจหลักที่ทำให้เทศกาล Mega Sales ประสบความสำเร็จในมุมของเซ็นทรัล ไม่ใช่การแข่งขันในเรื่องสงครามราคา แต่ต้องสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เซ็นทรัลสร้างประสบการณ์ Shoppertainment ผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่ง ครีเอทคอนเทนท์ที่ทำให้การช้อปปิ้งสนุกยิ่งขึ้น โดยมีอินฟลูเอนเซอร์ ดารา KOL และพนักงาน PC/BA มาไลฟ์บนเพจของห้างฯ สร้างความหลากหลายและน่าสนใจ และยังมีความท้าทายที่ว่า ทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่เบื่อกับ Mega Sales ที่ช่วงหลังๆ มีทุกเดือนอย่าง “เทศกาล Mega Sales 11.11 ในปี 2020 ยอดขายออนไลน์โตขึ้นถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติที่ไม่มี Mega Sales ซึ่งยอดขายยังคงโตอย่างต่อเนื่องหากรวมไปถึงช่องทางใหม่ๆ เช่น โซเชียล ไลฟ์ ฯลฯ จนทำให้ยอดขายทั้งหมดของเซ็นทรัล ณ ช่วงเวลานั้นโตเกือบ 100% และเพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกและมีความสุขในช่วงเทศกาล Mage Sales จึงเลือกทำแคมเปญบน TikTok เพื่อพัฒนาช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค"

ที่ผ่านมาแคมเปญที่ทำบน TikTok ประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างแคมเปญโปรโมท Central Application เพื่อให้คนไทยรู้จักและดาวน์โหลดมากขึ้น จึงสร้าง Short Form Creative Content และสร้าง Awareness ด้วยการเลือกใช้โฆษณาในรูปแบบ Top View และ In Feed Ads รวมไปถึงทำแฮชแท็กชาเลนจ์ บน TikTok นอกจากนั้นเรามีการจัดกิจกรรมให้พนักงานของเซ็นทรัลกว่า 73 สาขาทั่วประเทศ ได้ครีเอทคอนเทนท์บน TikTok เพื่อชิงรางวัล ทำให้ปัจจุบันยอดดาวน์โหลด Central App มีมากกว่า 3 ล้านครั้ง ถือว่าเกินเป้าที่วางไว้มาก หรือ แฮชแท็กชาเลนจ์ #ช้อปที่สบายใจ ตามสโลแกนของเซ็นทรัล ผลลัพธ์ค่อนข้างดีได้ User-generated Content หรือคอนเทนท์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง จำนวนมากกว่า 150,000 วิดีโอ ซึ่งความสำเร็จของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเท่านั้น แต่เราเห็นลูกค้ามีความสุขกับคอนเทนท์ที่ปล่อยออกไปบน TikTok ต่างหากที่เป็นที่น่าพอใจมากกว่า”

"สำหรับแคมเปญ 9.9 ในปีนี้ ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันได้นำคอนเซ็ปต์ Shoppertainment มาเป็นกลยุทธ์หลักในการใช้ความสนุกสนานจากภาพยนตร์โฆษณา เน้นสร้างการ Engagement กับลูกค้า ไม่เพียงเท่านั้น ลูกค้ายังสามารถเข้าหาเราได้ง่ายขึ้น และสามารถช้อปปิ้งกับเราได้ทันที เพราะเราเข้าไปอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน, Central App และโซเชียลต่างๆ พร้อมดึง เก้า-นพเก้า มาสร้างความสุขให้แก่แฟนคลับและลูกค้าผ่านการไลฟ์กับแฮชแท็ก #CENTRAL99xKao"

นอกจากนี้ รวิศรา ยังได้แชร์กลยุทธ์ในการนำเทรนด์ Shoppertainment ไปใช้บน TikTok อันได้แก่ 1.ไลฟ์สินค้าไฮไลท์แบรนด์ต่างๆ ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ 2. กิจกรรมในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น มิดไนท์เซล 3. แบรนด์ Mega Fair Live ที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ต่างๆ ทำโปรโมชั่นเอ็กซ์คลูซีฟ และ 4. การใช้อินฟลูเอนเซอร์ ดารา หรือ KOL ที่เหมาะสมกับแคมเปญนั้นๆ ทำชาเลนจ์บน TikTok โดยมีลูกเล่น คือ การแจกโค้ดส่วนลดให้กับผู้ชมนำกลับมาช้อปสินค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายให้กับแคมเปญอีกทาง 

"สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เราพบว่ากลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่เจอใน TikTok เป็นกลุ่มคนใจดี เจอดีลแล้วชอบบอกต่อ ชอบสร้างคอนเทนท์ ชอบรีวิว เพื่อสร้างสังคมใหม่ๆ เจอกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ที่อยากจะทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นก่อนทำแคมเปญหรือสร้างกลยุทธ์ แบรนด์ต้องรู้จักลูกค้าของตัวเองเป็นอย่างดี รู้จักเลือกใช้เครื่องมือให้ตรงตามจุดประสงค์ เข้าใจและรู้เป้าหมายของธุรกิจ เพื่อใช้แคมเปญนั้นๆ ให้ตรงตามเป้าหมาย และรู้จักสร้างสรรค์คอนเทนท์ใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ ที่มากกว่าการสื่อสาร โดยเฉพาะแคมเปญ Mega Sales ถ้าคุณไม่สร้างความแตกต่างก็ช่วงชิงโอกาสทองไม่ได้เลย” รวิศรา กล่าวทิ้งท้าย


ด้าน คิงกุ้ย หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เล่าถึงความสำเร็จในการทำแคมเปญบน TikTok ช่วง Mega Sales ว่า “การทำตลาดบน TikTok ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะความยากในการทำ Performance Marketing คือ จะใช้งบอย่างไรให้ได้ ROAS ที่คุ้มค่า โดยเฉพาะบริษัทที่มีงบจำกัด ผมเคยลองหลายโซลูชั่นทั้งออฟไลน์และออนไลน์ จนได้มาเป็นพาร์ทเนอร์กับ TikTok จึงพบว่า นี่คือโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ที่สุด”

“จากที่ลองโฆษณาบน TikTok มาประมาณ 6-7 เดือน พบว่า ตัวเลข CPI และ CPM คุ้มค่ากว่าที่อื่นประมาณ 20% Konvy ได้ลูกค้าใหม่จาก TikTok เพิ่มขึ้นเกือบ 40% ตอนนี้เริ่มคุยกับทีมว่าต้องลงทุนใน TikTok เพิ่มขึ้นก่อนที่เจ้าอื่นจะเข้ามาใช้โซลูชั่นนี้ เพราะผมมองว่า TikTok เป็นเครื่องมือที่มาช่วยแบรนด์สร้างความตื่นเต้น ความสนุกเพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้ ในขณะเดียวกันแบรนด์ก็สามารถสร้างโซลูชั่นกับลูกค้าได้ผ่านการสร้างคอนเทนท์บน TikTok เกี่ยวกับสินค้าที่เรากำลังจะนำเสนอให้กับเขา บางทีลูกค้าไม่ได้อยากซื้อของราคาถูก แต่เขาอยากรู้ว่าทำไมต้องซื้อสินค้านี้ ดังนั้นการมอบโซลูชั่นให้กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ”

นอกจากนี้ คิงกุ้ย หวง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศกาล Mega Sales ได้ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมใหม่ๆ ของนักช้อป โดยพบว่าเทศกาล Mega Sales เป็นช่วงเวลาที่นักช้อปรู้สึกสนุกกับการค้นพบสิ่งใหม่ๆ อย่างช่วงเทศกาล 6.6 ที่ผ่านมา Konvy ลองทำโปรโมชั่นพร้อมแนะนำสินค้าใหม่ในกลุ่ม Hair Product และ Mask Product บน TikTok ก็พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ 9 เดือน 9 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทาง Konvy จะมีทำแคมเปญ Konvy The Beauty Magic 9.9 เสกลุคสวยเริ่มต้น 9 บาท ลดสูงสุด 90% ส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบ 99 บาท พร้อมแจกคูปอง รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเหมือนที่ผ่านมา"

"สิ่งที่ทำให้ Konvy เติบโตอย่างมั่นคงตลอดระยะเวลา 9 ปี เพราะเรามุ่งเน้นความสำคัญของ User Experience และการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เมื่อเข้าใจว่าลูกค้าเราคือใคร ทำให้เราใช้งบได้อย่างถูกจุด แน่นอนว่า ตอนนี้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีความโดดเด่น หากต้องการสร้าง Content Creation และตอบโจทย์เทรนด์ Shoppertainment เพราะเสน่ห์ของการช้อปปิ้ง คือ เราต้องรู้สึกสนุกไปกับมัน" คิงกุ้ย กล่าวทิ้งท้าย 



หัวใจสำคัญที่ทำให้ทั้งสองแบรนด์ประสบความสำเร็จ นอกจากความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้ว ความเข้าใจและรู้จักใช้เครื่องมือการตลาดอย่าง TikTok ที่ตอบโจทย์เทรนด์คนรุ่นใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด และเพิ่มความสนุกให้กับเทศกาล Mega Sales จึงจะสามารถตอบโจทย์แบรนด์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างความโดดเด่นและแตกต่างได้ในเทศกาล Mega Sales ที่จะถึงนี้

สำหรับผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับการทำการตลาดดิจิทัลในเทศกาล Mega Sales สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.TikTokMegaSales.com ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ TikTok For Business ได้ทาง Line Official Account: @tiktokforbusiness และ TikTok Official Account : @tiktokforbusiness_th