ท่ามกลางโลกและสังคมในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในสิ่งท้าทายของพ่อแม่และผู้ปกครองในยุคนี้ คือ การทำความเข้าใจและเท่าทันกับกระแสดิจิทัลที่กำลังมาแรง ซึ่งหนึ่งในบุคคลใกล้ชิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบก็คือ “เด็กและเยาวชน” ซึ่งเราต่างต้องยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งานดิจิทัลของเด็กได้ และสืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้ดิจิทัลได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในมุมที่เป็นประโยชน์ดิจิทัลได้เข้ามาเปิดโลกและสร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งความรู้และข้อมูลมหาศาลให้กับเด็กยุคใหม่ แต่ในทางกลับกันดิจิทัลก็มาพร้อมภัยที่คาดไม่ถึง และอาจจะรุนแรงเกินกว่าที่เด็กและเยาวชนจะรับมือ 

โดยเฉพาะเด็กไทยยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา อาทิ ติดต่อพูดคุยกับเพื่อน ค้นหาข้อมูลเพื่อการศึกษา การรับชมคอนเทนท์เพื่อความบันเทิง และการเรียนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า การสื่อสารของเด็กไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และในการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั้นอาจมีภัยทางออนไลน์แอบแฝงแบบไม่รู้ตัว ต่างจากยุคของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงขาดความเข้าใจในการใช้งานออนไลน์ที่ต่างจากเด็กยุคใหม่ และเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี 2564 นี้ หนึ่งสิ่งสำคัญของเด็กไทยที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรตระหนักและให้ความสำคัญ คือ การทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ของบุตรหลาน เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ปลอดภัยในยุคดิจิทัล ตอบรับวันเด็กแห่งชาติปี 2564 

ในฐานะแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนทุกวัยรวมถึงเด็กและเยาวชน TikTok ไม่หยุดนิ่งที่จะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชนผู้ใช้ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่หลากหลาย เพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยจากโลกออนไลน์ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องด้วยสิ่งที่น่าเป็นกังวลสำหรับเด็กไทยยุคดิจิทัล คือ การอยู่กับหน้าจอนานเกินไปจนเกิดปัญหาด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ การได้รับชมคอนเทนท์ที่ไม่เหมาะสม และการถูกคุกคามในออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจสถานการณ์เด็กไทยกับภัยออนไลน์ปี 2563 จากศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ (COPAT) ภายใต้กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้ทำการสำรวจกลุ่มเด็กในช่วงอายุ 12-18 ปี ซึ่งผลการสำรวจพบหลายประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ เด็ก 89% เชื่อว่า โลกออนไลน์มีภัยหรือความเสี่ยงต่างๆ, 69% มีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ด้วยการถูกเรียกด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ดูหมิ่น และ 29% เคยนัดพบเพื่อนออนไลน์ เป็นต้น 

ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่ TikTok ให้ความสำคัญสูงสุดมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กและเยาวชน และเพื่อป้องกันภัยออนไลน์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกับกลุ่มเด็กและเยาวชน TikTok ได้มุ่งพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง สามารถดูแลการใช้แพลตฟอร์มของบุตรหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอุ่นใจทุกครั้งเมื่อบุตรหลานมีการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ 

  • Screen Time Management หรือ การจำกัดเวลาใช้งานบนหน้าจอ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจำกัดเวลาได้ตั้งแต่ 40 นาที, 60 นาที, 90 นาที หรือสูงสุดที่ 120 นาทีต่อวัน 
  • Restricted Mode หรือ การจำกัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ TikTok จะจำกัดการแสดงเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ชมในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาที่ต้องการรับชมได้ โดยหากต้องการรับชมเนื้อหาที่ไม่ได้ถูกกลั่นกรอง จะต้องใส่รหัสพาสเวิร์ดที่ตั้งไว้
  • Direct Message หรือ การจำกัดการส่งข้อความ โดย TikTok ได้ปิดการรับส่งข้อความสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี เพื่อเป็นการป้องกันคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งอาจเกิดเป็นภัยคุกคามได้ 
  • การค้นหา (Search): ผู้ปกครองสามารถเข้าไปตั้งค่ากำหนดการค้นหาของบุตรหลานได้ ทั้งเนื้อหา ผู้ใช้ แฮชแท็ก และเสียง
  • ความคิดเห็น (Comments): ผู้ปกครองสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ว่า ใครสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นในวิดีโอของบุตรหลาน โดยจะเลือกเปิดให้ทุกคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เลือกเฉพาะคนที่รับเป็นเพื่อน หรืออาจจะตั้งค่าไม่ให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นได้   
  • การค้นหาและดูเนื้อหาในแอคเคาน์ (Discoverability): ผู้ปกครองสามารถเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้กับแอคเคาน์ของบุตรหลานได้ หรือกำหนดว่า ใครที่สามารถเข้าถึงหรือดูเนื้อหาของบุตรหลาน รวมทั้งสามารถตั้งค่าเป็นสาธารณะที่เปิดให้ทุกคนสามารถค้นหาและดูเนื้อหาได้
  • วิดีโอที่ชื่นชอบ (Liked videos): ผู้ปกครองสามารถกำหนดได้ว่า ใครที่จะสามารถดูวิดีโอที่บุตรหลานของคุณเข้าไปกดไลค์ หรือชื่นชอบได้


ล่าสุด TikTok ได้กำหนดให้แอคเคาน์ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี มีสถานะเป็นส่วนตัว โดยผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี เมื่อเปิดแอคเคาน์ TikTok จะถูกตั้งค่าเป็นส่วนตัวโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าจะมีเพียงผู้ที่เจ้าของแอคเคาน์อนุมัติเท่านั้นจึงจะสามารถติดตามและดูเนื้อหาในแอคเคาน์นั้นได้ รวมไปถึงวิดีโอที่สร้างโดยผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะไม่อนุญาตให้มีการดาวน์โหลด, การแสดงความคิดเห็นบนวิดีโอของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะสามารถตั้งค่าโดยกำหนดให้เฉพาะ "เพื่อน" ที่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือเลือก "ปิดรับความคิดเห็น" ทั้งหมด, ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะไม่สามารถใช้ Duet และ Stitch และแอคเคาน์ของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติไม่ให้มีการแนะนำแอคเคาน์แก่ผู้ใช้อื่นๆ 

TikTok ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุดมาโดยตลอด ผ่านการพัฒนาทีมงาน เทคโนโลยี นโยบาย และแหล่งเรียนรู้ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง มั่นใจได้ว่า TiKTok เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และรู้สึกมั่นใจในทุกการใช้แพลตฟอร์มของบุตรหลาน ซึ่งเป็นเด็กไทยในยุคดิจิทัลที่ปัจจุบันเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัว