เราต้องการที่จะเห็นความสุข การปฏิสัมพันธ์ และแรงบันดาลใจที่ TikTok นํามาสู่ผู้คนนับล้านทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นเทรนด์ใหม่ หรือการใช้ฟีเจอร์ Duet เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมผ่านการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่เปล่งประกายในชุมชนของเรา การส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสําคัญเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชุมชนผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน เราจึงได้แบ่งปันข้อมูลที่น่าสนใจนี้กับผู้ปกครอง ซึ่งเราพร้อมที่จะรับฟังและทํางานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานนี้ 

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวโครงการทั่วโลกเพื่อสร้างความเข้าใจถึงการมีส่วนร่วมของเยาวชนเกี่ยวกับการทำชาเลนจ์และการหลอกลวงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายที่แม้จะไม่ใช่สำหรับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง แต่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความกังวลของผู้คนส่วนใหญ่ โดยเราต้องการเรียนรู้วิธีการพัฒนาและรับมือกับสิ่งเหล่านี้เพื่อที่จะสามารถทํางานในการสนับสนุนเยาวชน ผู้ปกครอง และนักการศึกษาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังหวังว่าจะมีส่วนช่วยในการสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงต้องการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยของเรา 

สิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ได้แก่:

  • การสํารวจข้อมูลในกลุ่มเยาวชน ผู้ปกครอง และครู อาจารย์ จำนวนกว่า 10,000 คน ในอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล เยอรมนี อิตาลี อินโดนีเซีย เม็กซิโก สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
  • การมอบหมายให้ Praesidio Safeguarding ซึ่งเป็นหน่วยงานปกป้องความเป็นส่วนตัว จัดทำรายงานเพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญพร้อมการให้คําแนะนํา โดยสามารถอ่านรายงานที่เขียนโดย ดร.โซเอะ ฮิลตัน ผู้อํานวยการและผู้ก่อตั้ง Praesidio Safeguarding ได้ ที่นี่
  • การจัดให้มีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านความปลอดภัยสำหรับเยาวชน 12 คนจากทั่วโลก เพื่อตรวจสอบและให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงานของ ดร.ฮิลตัน
  • ความร่วมมือกับ ดร.ริชาร์ด เกรแฮม จิตแพทย์เด็กที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาให้เยาวชนมีสุขภาพจิตที่ดี และ ดร.เกรทเช่น ไบรอัน-ไมเซิล ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมที่มาให้คำแนะนำทางด้านการป้องกันความเสี่ยงในเยาวชน


สิ่งที่เยาวชนบอกเราเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาใช้ในการประเมินความเสี่ยง

การทำชาเลนจ์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสนุกและปลอดภัย: Ice Bucket Challenge ที่เกิดขึ้นในปี 2557 เป็นการช่วยส่งเสริมการรับรู้ของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ในขณะที่ #BlindingLightsChallenge ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากบน TikTok กับชาเลนจ์ที่ช่วยให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เราได้ยินจากทั้ง ดร.เกรแฮม และ ดร.ไบรอัน-ไมเซิล ว่า ในช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่มักจะมีความเสี่ยงต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงต้องการที่จะทำความเข้าใจว่าความเสี่ยงเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เยาวชนมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำชาเลนจ์ที่เป็นอันตรายได้อย่างไร เพื่อให้เราสามารถทํางานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มโอกาสในการสนับสนุนให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ในการศึกษาข้อมูลนี้ เยาวชนจะถูกถามคำถามเพื่อนำข้อมูลมาประเมินระดับความเสี่ยงของการทำชาเลนจ์บนออนไลน์จากสิ่งที่พวกเขาได้เห็นล่าสุด ซึ่งพบว่า 48% หรือเกือบครึ่งหนึ่ง เชื่อว่าพวกเขาปลอดภัยและจัดอยู่ในประเภทสนุกหรือร่าเริง อีก 32% ระบุว่ามีความเสี่ยงบางอย่างแต่ยังคงรู้สึกปลอดภัย ส่วนอีก 14% รู้สึกว่ามีความเสี่ยงและเป็นอันตราย ในขณะที่ 3% บอกว่าการทำชาเลนจ์บนออนไลน์มีความเสี่ยงและเป็นอันตรายมาก และมีเยาวชนเพียง 0.3% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในชาเลนจ์ที่จัดว่าเป็นประเภทที่มีความอันตรายสูง

จากการวิจัยดังกล่าวยังพบว่า เยาวชนใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อทําความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำชาเลนจ์ออนไลน์ก่อนที่จะเข้าร่วม ซึ่งรวมถึงการดูวิดีโอของผู้อื่นที่มีการทำชาเลนจ์ การอ่านความคิดเห็นและการพูดคุยกับเพื่อน การเพิ่มขีดความสามารถของเยาวชนโดยให้คําแนะนําเกี่ยวกับวิธีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในมาตรการสําคัญที่จะช่วยให้พวกเขาปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีเยาวชนอีกเกือบครึ่ง หรือ 46% ระบุว่าพวกเขาต้องการ "ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความเสี่ยง" และ "ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งไกลตัวต่างๆ"


การรับฟังข้อกังวลจากผู้ปกครองที่มีต่อผลกระทบของการหลอกลวง

การฆ่าตัวตายและการหลอกลวงที่ก่อให้เกิดการทําร้ายตัวเอง คือ ความพยายามที่ทําให้ผู้คนหลงเชื่อในบางสิ่งที่น่ากลัวซึ่งไม่เป็นความจริง การหลอกลวงเช่นนี้มักมีลักษณะคล้ายกัน และก่อนหน้านี้มีคําเตือนที่เป็นเท็จได้แพร่กระจายไปในวงกว้าง เพื่อแสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ได้รับการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมใน "เกม" ซึ่งส่งผลให้เกิดอันตรายต่อตนเอง การหลอกลวงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะแพร่กระจายผ่านทางข้อความแจ้งเตือนเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนตื่นตัวและหลีกเลี่ยงผลเสียหายทางลบที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ว่าการแจ้งเดือนดังกล่าวอาจดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่จากผลการวิจัยพบว่า 31% ของเยาวชน มีประสบการณ์พบเจอผลกระทบเชิงลบกับการหลอกลวง ซึ่งในจํานวนนั้นมี 63% กล่าวว่าลักษณะของเนื้อหามีผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา

นอกจากนี้เรายังได้รับรู้อีกว่า ผู้ปกครองมีความไม่แน่ใจว่าจะพูดคุยกับเยาวชนเกี่ยวกับการหลอกลวงเหล่านี้ได้อย่างไร พวกเขากังวลว่าหากพวกเขาพูดถึงชื่อของการหลอกลวง เยาวชนอาจตระหนักถึงพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายที่พวกเขาไม่เคยรับรู้มาก่อน ซึ่งพบว่า 56% ของผู้ปกครองกล่าวว่า พวกเขาจะไม่พูดถึงการหลอกลวงที่เกี่ยวกับทําร้ายตัวเองเว้นแต่เยาวชนจะพูดถึงเรื่องนี้ก่อน และ 37% ของผู้ปกครองรู้สึกว่า การหลอกลวงเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงโดยไม่กระตุ้นความอยากรู้ของเยาวชน 


ยกระดับมาตรการป้องกันความปลอดภัย

เราได้ใช้ผลการวิจัยจากรายงานของ ดร. ฮิลตัน เพื่อทบทวนนโยบายและวิธีการดำเนินการของเรา โดยเรากําลังพัฒนาข้อมูลหลายอย่างเพื่อสร้างมาตรการป้องกันที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น 

จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า คําเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงที่อาจก่อให้เกิดการทําร้ายตนเอง แม้ว่าจะเป็นการส่งต่อด้วยเจตนาดีก็ตาม อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเยาวชนได้ ในขณะเดียวกันเราได้ทำการลบและดําเนินการเพื่อจํากัดการแพร่กระจายของการหลอกลวงในลักษณะนี้เพื่อปกป้องชุมชนของเรา โดยเราจะเริ่มลบคําเตือนที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเขา เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดอันตราย และทำให้กลายเป็นการหลองลวงที่ทำให้การทำร้ายตัวเองเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตามเราจะยังคงอนุญาตให้มีการสนทนาที่ขจัดความตื่นตระหนกและส่งเสริมข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป

ในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทำให้เห็นว่า มีเยาวชนเพียง 0.3% เท่านั้นที่กล่าวว่า พวกเขามีส่วนร่วมในการทำชาเลนจ์ที่อันตราย แต่สิ่งสําคัญ คือ สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า "งานสำเร็จแล้ว" การมีนโยบายที่แข็งแกร่งเป็นส่วนสําคัญของการทำงานในการปกป้องชุมชนของเราควบคู่ไปกับมาตรการตรวจจับและการบังคับใช้นโยบายต่างๆ เราได้สร้างเทคโนโลยีที่แจ้งเตือนทีมความปลอดภัยของเราให้เพิ่มการละเมิดเนื้อหาที่เชื่อมโยงถึงชาเลนจ์ที่เป็นอันตรายต่างๆ โดยเราได้ขยายสิ่งนี้เพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตราย ตัวอย่างเช่น แฮชแท็ก #FoodChallenge ที่มักใช้เพื่อแบ่งปันสูตรอาหารและแรงบันดาลใจในการทําอาหาร ดังนั้นหากเราสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับแฮชแท็กที่ละเมิดนโยบายด้านความปลอดภัย ทีมงานของเราจะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหาและพร้อมที่จะทําตามขั้นตอนเพื่อป้องกันแนวโน้มหรือพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ 



แหล่งข้อมูลใหม่เพื่อสนับสนุนสมาชิกในชุมชน

หนึ่งในผลการวิจัยหลักจากรายงานพบว่า เยาวชน ผู้ปกครอง และนักการศึกษา ต้องการข้อมูลที่มีประโชน์เกี่ยวกับการทำชาเลนจ์และการหลอกลวงต่างๆ เราจึงได้ทํางานร่วมกับ ดร.เกรแฮม ดร.ไบรอัน-ไมเซิล และ แอน โคลเลอร์ ผู้ก่อตั้งและผู้อํานวยการบริหารของ Net Safety Collaborative เพื่อพัฒนาแหล่งข้อมูลใหม่สําหรับศูนย์ความปลอดภัยของเรา เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการทำชาเลนจ์และการหลอกลวง ซึ่งรวมถึงคําแนะนําสําหรับผู้ปกครอง ซึ่งเราหวังว่าจะสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนที่เยาวชนแสดงออกเกี่ยวกับการพูดคุยในเรื่องนี้กับของพวกเขา

ในที่สุดเราได้ทํางานร่วมกับ ดร.เกรแฮม และ ดร.ไบรอัน-ไมเซิล เพื่อปรับปรุงภาษาที่นำมาใช้เป็นข้อความแจ้งเตือนที่จะปรากฏต่อผู้ที่พยายามค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทำชาเลนจ์ที่เป็นอันตรายหรือการหลอกลวง ซึ่งข้อความแจ้งเตือนนี้จะกระตุ้นให้สมาชิกบนชุมชนเข้ามาเยี่ยมชมศูนย์ความปลอดภัยของเราเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมและหากมีผู้คนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการหลอกลวงที่เชื่อมโยงกับการฆ่าตัวตายหรือการทําร้ายตนเอง เราจะแสดงรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นหาดังกล่าว 

เมื่อเราเริ่มการสนทนาครั้งแรกเกี่ยวกับโครงการนี้เราได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์และทำให้เราได้รับรู้ว่า พวกเขารู้สึกอย่างไรกับผู้ปกครอง ครู และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ยังมีความไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ เราหวังว่างานที่เราได้ดําเนินการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนําระดับโลกเหล่านี้จะสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานในครั้งนี้ได้อย่างครอบคลุม โดยที่ผู้อื่นจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกนี้ได้เช่นกัน ในส่วนของ TikTok เราทราบว่าการดําเนินการที่เรากําลังทำอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนสําคัญของงานบางส่วน และเราจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับชุมชนทั่วโลกของเราต่อไป